ภาษีนำเข้า

ภาษีนำเข้า ทำไมต้องควรรู้เวลาไปช้อปปิ้งที่ต่างประเทศ…ควรศึกษาข้อมูล

การไปเที่ยวในแต่ละครั้ง…มีบ้างที่เราจะต้องช้อปปิ้งตามประสา เพื่อที่เราจะได้ซื้อของกลับมาฝากให้กับคนในครอบครัว หรือใครไปประเทศไหนก็รับหิ้วของประเทศนั้นเข้ามา การได้ไปช้อปปิ้งในประเทศที่ตนไปนั้น ก็เหมือนกับว่าได้เฟ้นหาของที่ชื่นชอบ รวมไปถึงเจอแบรนด์ที่รอคอยมานาน แต่ขี้เกียจรอของที่ไทยก็มี แต่อย่าลืมว่าก่อนไปเที่ยวควรศึกษาเรื่องของ “ภาษี” ด้วย เพราะมีหลายคนที่ไปท่องเที่ยวมักจะตกม้าตายในเรื่องภาษี เมื่อมาถึงศุลกากร มักจะโดนเรื่องเก็บ ภาษีนำเข้า ก่อนเข้าออกประเทศอยู่เสมอ ซึ่งในบทความนี้ทำไมเวลาเที่ยวต่างประเทศทั้งที ห้ามมองข้ามเรื่อง ภาษีนำเข้า เพื่อไม่ให้มีปัญหาซ้ำซ้อนในภายหลัง โดยจะแนะนำผ่านบทความได้ดังนี้

ภาษีนำเข้า

ทำไมเวลาไปช้อปปิ้งที่ต่างประเทศ…ควรศึกษาข้อมูลเรื่อง “ภาษีนำเข้า” ก่อนไปเที่ยว

  • เพราะแต่ละประเทศมีข้อจำกัดเรื่องภาษีแตกต่างกัน เวลาไปเที่ยวที่ประเทศไหนๆ ก็ตาม จะมีการจำกัดเรื่องของภาษีและราคาสินค้าเข้ามาด้วย ปัจจัยแรกเลยก็คือรายได้ต่อหัวหรือ (GDP) ราคาสินค้า สกุลเงิน อัตราแลกเปลี่ยน และการขึ้นอัตราภาษีนำเข้า ซึ่งมันมีข้อกำหนดของแต่ละประเทศต่างกัน ถ้าเป็นประเทศไทยจะมีการเก็บภาษีนำเข้าที่แพงกว่า ฉะนั้นก่อนกลับบ้านนั้นต้องดูข้อมูลตรงนี้เข้ามาด้วย สถานที่ท่องเที่ยว
  •  ภาษีจากการช้อปปิ้งในต่างประเทศจะต้องเสียภาษีในอัตรา 7% นั่นเท่ากับว่าเวลาไปช้อปปิ้งในประเทศที่คุณไปเที่ยว จะต้องดูราคาและการหักภาษีที่ใบเสร็จ ยิ่งไม่เกิน 20,000 บาท ถ้าเป็นในเชิงพาณิชย์หรือของสำแดง เช่น รองเท้า กระเป๋า เครื่องสำอาง นาฬิกา จะอยู่ที่เสียภาษีแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับราคา ถ้าถึงศุลกากรขอตรวจก็ต้องให้ตรวจ ยกเว้นว่าสิ่งที่นำเข้าไม่ใช่สิ่งต้องห้าม (กลุ่มอาวุธ สื่อลามก ของลอกเลียนแบบ) หรือของต้องกำกัด (ศิลปวัตถุ พืชนำเข้า ซากสัตว์ บุหรี่ ยาสูบ สัตว์เลี้ยงนำเข้า อาหารเสริม เครื่องดื่มแอลกอฮอล์)
  • ถ้ามีของที่ต้องสำแดง ก็ต้องเสียภาษีตามปกติ แม้ว่าจะวงเงินไม่เกิน หรือเกิน 20,000 บาท แต่ถ้ากรณีไม่ต้องสำแดงเพื่อเสียภาษีเวลากลับจากท่องเที่ยว ซึ่งจะต้องไม่ใช่กลุ่มของต้องสำแดง ของต้องกำกัด หรือเสบียงอาหาร ให้เข้าที่ช่องเขียวได้ทันที แต่ก็มีรายละเอียดปลีกย่อยชัดเจนได้ดังนี้
    • ถ้าเป็นบุหรี่ หรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ บุหรี่ต้องไม่เกิน 200 มวนต่อรายการ หรือน้ำหนักยาสูบต้องไม่เกิน 250 กรัม หรือถ้ารวมน้ำหนักที่ไม่ต้องเสียภาษีจะต้องไม่เกิน 250 กรัม
    • เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ไม่ว่าจะกลุ่มบรั่นดี เบอร์เบิน วิสกี้ หรือเตกีล่า จะต้องมีน้ำหนักไม่เกิน 1 ลิตร แต่ถ้าเกินปริมาณที่กำหนดจะต้องใส่กล่องที่เตรียมไว้โดยทางศุลกากร เพื่อป้องกันการถูกดำเนินคดีจากข้อหาเลี่ยงภาษีเนื่องจากน้ำหนักเกินได้
    • ในประเทศที่มีนักท่องเที่ยวจะมี Duty Free หรือตลาดปลอดภาษี สามารถซื้อได้ เพราะจะไม่เรียกเก็บภาษีใดๆ และนักท่องเที่ยวจะนิยมมาซื้อของตรงนี้ค่อนข้างมาก
ภาษีนำเข้า