ดอยขุนแปะ

ดอยขุนแปะ ดอกไม้บาน ณ ศูนย์พัฒนาโครงการหลวง จ.เชียงใหม่

ถ้าใครคนไหนคิดจะล่าหมอกในช่วงเวลาปลายฝนต้นหนาวอย่างนี้แล้วละก็ ขอแนะนำ จังหวัดเชียงใหม่เลย จังหวัดนี้ไม่ใช่มีดีแค่หน้าหนาวแต่หน้าฝนก็ยังสวยงามเหมาะแก่การท่องเที่ยวอีกด้วย และยิ่งถ้ามีโอกาสได้เดินทางไป อ.จอมทอง ขอแนะนำ ดาลัท ภาคเหนือของเมืองไทย ศูนย์พัฒนาโครงการหลวง ดอยขุนแปะ 

ซึ่งมีความสวยงามประหนึ่งเมืองดาลัท ประเทศเวียดนามเลยทีเดียว บรรยากาศรอบข้างสีเขียว แต่งตัวด้วยสีฉูดฉาด สีแดง สีเหลือง เวลาถ่ายรูปออกมาแล้วรับรองได้เลยว่า “สวยพะยะค่ะ” แต่ว่าก็ว่านะการขึ้นไปชมความงามถ่ายรูปที่ศูนย์พัฒนาโครงการหลวง ดอยขุนแปะ ควรจะไปแต่เช้า เพราะแสงแดดอ่อน ๆ ยามเช้าจะทำให้ได้ภาพที่สวยงามมากยิ่งขึ้น และถ้าวันก่อนหน้านั้นมีฝนตกด้วยแล้ว รับรองได้ว่าหมอกที่จะติดมากับภาพถ่ายนั้นจะยิ่งสวยมากยิ่งขึ้นไปอีก

ดอยขุนแปะ สถานที่เที่ยวสุดยอดบรรยากาศดี

ดอยขุนแปะ

            เมื่อเดินทางถึงศูนย์พัฒนาโครงการหลวงดอยขุนแปะแล้ว ให้จอดรถไว้ที่บ้านผู้ใหญ่บ้านแล้วเดินทางด้วยรถของชาวบ้าน (เสียค่าบริการคันละ 500 บาท) แล้วชาวบ้านก็จะพาไปแต่ละจุด ซึ่งจุดแรกคือทุ่งดอกไฮเดรนเยียสีฟ้าอมม่วง ที่แข่งกันเบ่งบานสะพรั่ง ชูช่อ สูงใหญ่ อวดความสวยงามให้แก่นักท่องเที่ยวทั้งหลายได้ชื่นชม แต่การชื่นชมดอกไฮเดรนเยียที่ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงขุนแปะนั้น ควรจะไปในช่วงเดือนตุลาคม และจะบานเต็มที่ในช่วงเดือนพฤศจิกายน ซึ่งจะบานไปจนถึงเดือนกุมภาพันธ์ในปีถัดไป  

ทุ่งดอกไฮเดรนเยียดอยขุนแปะ

            จุดที่ 2 ของศูนย์ฯ คือนาข้าวขั้นบันได ซึ่งมีหลายแห่งแต่ที่รู้จักในหมู่นักท่องเที่ยวนั้นจะอยู่ก่อนถึงโครงการประมาณ 2 กิโลเมตร เป็นแปลงนาที่ลดหลั่นใกล้เชิงเขา เรียกว่า “นาขั้นบันไดบ้านบนนา” และถ้าต้องการให้ภาพออกมาสวยงาม ตามฤดูทำนาก็ต้องไปในช่วงเดือนกันยายน – กลางเดือนตุลาคม แต่ถ้าต้องการให้ทุ่งนามีข้าวตั้งท้องเป็นรวงทอง ก็ต้องไปในช่วงปลายเดือนตุลาคม 

นาข้าวขั่นบันไดดอยขุนแปะ

            จุดที่ 3 เป็นแปลงกะหล่ำปลีที่ชาวบ้านปลูกไว้ เป็นกะหล่ำปลี และดอกกะหล่ำ ซึ่งเป็นพืชเศรษฐกิจของชาวบ้านขุนแปะที่ทำรายได้ให้ก่อเกิดขึ้นจริง และเป็นรายได้ที่ส่งผลให้แก่จังหวัดเชียงใหม่อีกด้วย เรียกได้ว่าเป็นพืชเศรษฐกิจที่สำคัญเลยทีเดียว 

ทุ่งกะหล่ำปลีดอยขุนแปะ

            การเดินทางไปศูนย์พัฒนาโครงการหลวงดอยขุนแปะอ.จอมทอง จ.เชียงใหม่นั้น ถ้าจะให้สะดวกที่สุดควรจะเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัว และเดินทางในช่วงเดือน กันยายน – ตุลาคม จะเห็นทิวทัศน์ทั้ง 3 จุดอย่างอิ่มเอมใจเป็นที่สุด แต่ถ้าอยากจะชมหมอกด้วยแล้ว ต้องขอย้ำเตือนอีกครั้งว่า “ต้องไปแต่เช้า” และจุดชมหมอกที่แนะนำคือ จุดชมวิวหัวค้างคาว หรือที่เรียกเป็นภาษาปะกาเกอญ่อว่า “บ่าอะโจ๊ะโข่”  รับรองได้เลยว่าทั้งบรรยากาศ ทั้งภาพจำนั้น จะติดตราตรีงใจไปอีกนานแสนนาน จะเล่าให้ลูกหลานฟังอีกนานก็ไม่จบ ดินแดนแห่งนี้ยังมีมนต์ขลังอยู่เสมอดอยขุนแปะอ.จอมทอง จ.เชียงใหม่

ที่มาของรูปที่ 1 – 3 : เว็บไซต์ ทราเวล เอ็มไทย